การเอาตัวรอด จากอากาศยานประสบเหตุ
เหตุการณ์เครื่องเฮลิคอปเตอร์สัญชาติไทยตกในประเทศพม่า และต่อมานักบินรอดชีวิตนั่น ควรเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้เกี่ยวขัองทางการบินทุกคน ทั้งที่เป็นนักบิน, ช่างอากาศยาน และผู้ที่ทำงานในสายงานการบิน ได้ฉุกคิดและหันกลับมาทบทวนการเตรียมตัวต่อเหตุไม่คาดฝันทางการบินที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ
ในขณะที่อากาศยานกำลังบินอยู่นั้น โดยส่วนมากมีความปลอดภัย แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยอันตรายทุกวินาทีเช่นกัน แน่นอนที่มนุษย์ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับปีกหรือบินเองไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องพึ่งพาเครื่องจักรที่จะพาเราบินไปยังที่ต่างๆ แต่เครื่องจักรก็มีโอกาสชำรุดและเกิดปัญหาขึ้นได้เสมอ ปัญหาที่ว่านี้อาจจเกิดขึ้นในขณะที่เราอยู่บนลานบิน หรือหาที่ปลอดภัยร่อนลงจอดได้ อย่างดีก็คือเราสามารถออกจากที่เกิดเหตุได้อย่างปลอดภัย หรืออาจจะเกิดขึ้นในเวลาที่แย่ที่สุด ขณะกำลังบินอยู่ในป่าหรือสภาพอากาศเลวร้าย ในระหว่างที่เครื่องบินอยู่ไม่ห่างจากพื้น
นักบินทั้งที่มีประสบการณ์สูง หรือเพิ่งจะเริ่มบินก็สามารถจะหลงสถานที่เพราะอากาศแปรปรวน, ความมืดและสภาพภูมิประเทศ เป็นเหตุให้เสียการควบคุมและตก หรือต้องร่อนลงฉุกเฉินอย่างรุนแรง ผมขอเล่าเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว กับนักบินผู้ไม่ชำนาญพื้นที่ ทำการบินด้วยทัศนวิสัยจากการมองเห็น Visual Flight Rule = VFR บินต่ำกว่าฐานเมฆและเหนือร่องเขา และพยายามบินผ่านเทือกเขา โดยมารู้ตัวอีกทีเมื่อมาเจอกับภูเขาสูง จึงพยายามบินขึ้นไปหาเมฆ แต่ร่องเขาที่บินอยู่ในขณะนั้นแคบมาก เขาพยายามบินกลับเข้าเส้นทางเดิม ปรากฏว่าเครื่องบินพุ่งชนเข้ากับไหล่เขา (เราทำการบินค้นหาและพบร่างไร้วิญญาณของนักบินคนนี้ในวันรุ่งขึ้น)

เฮลิคอปเตอร์กู้ภัย ขณะบินค้นหาที่เกิดเหตุ
ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉลี่ยอุบัติทางอากาศยานจากเครื่องบินพลเรือน มีประมาณ 1,500 เหตุต่อปี ปีที่ผ่านมาสถิติแสดงให้เห็นชั่วโมงบินของเฮลิคอปเตอร์ประมาณ 1.8 ล้านชั่วโมง เกิดอุบัติเหตุทางอากาศยานแล้วถึง 140 ครั้ง จากอุบัติเหตุทั้งหมด 29 กรณีพบผู้เสียชีวิต 75 คน อีก 28 คนบาดเจ็บสาหัสและอีก 40 คนบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น
จะมีนักบินสักกี่คนคิดวางแผนก่อนหากว่าอาจต้องพบเจอเหตุการณ์แบบเดียวกัน นักบินฝึกขั้นตอนการปฎิบัติกรณีเหตุฉุกเฉินอยู่เป็นประจำ เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในระหว่างทำการบิน แต่จะมีนักบินกี่คน ที่ฝึกหรือเตรียมตัวมากกว่าการฝึกร่อนลงฉุกเฉิน แต่เตรียมพร้อมหากจะต้องดำรงชีพในพื้นที่เกิดเหตุนั่นเองด้วย
การมุ่งมั่นเอาชีวิตรอด Decide to Survive
นักบินและผู้อยู่บนอากาศยาน ควรเตรียมพร้อมและตั้งรับการลงจอดแบบไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า ผู้ประสบเหตุทางอากาศยานที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ ตามสถิติแล้วจะมีโอกาสรอดชีวิตสูงถึง 50% ภายในห้วงเวลา 72 ชั่วโมงแรกหลังจากเกิดเหตุ และสถิติที่น่าสนใจต่อมาคือ เวลาเฉลี่ยในการค้นหาอากาศยานประสบเหตุ ซึ่งนักบินไม่ได้ส่งแผนการบิน พบเฉลี่ยอยู่ที่ 62.5 ชั่วโมง หลังจากได้รับการรายงานอากาศยานสูญหาย
การจัดทำแผนการบิน เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น สิ่งต่อมาคือการบินให้ได้ตามแผนที่วางไว้ สำหรับภารกิจของเฮลิคอปเตอร์ทางทหารและเฮลิคอปเตอร์กู้ภัย ในระหว่างการบินอาจจะไม่สามารถปฏิบัติได้ตามแผนที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่และอากาศในขณะเข้าทำการช่วยเหลือ แต่การสื่อสารไปยังหน่วยงานต้นสังกัด, อากาศยานหรือสนามบินที่อยู่ใกล้เคียง ก็จะช่วยเพิ่มอัตราการค้นพบอากาศยานที่ตกได้อย่างรวดเร็ว ข้อมูลที่ควรส่งต่อ ควรจะรวมถึงพิกัดปัจจุบันและพิกัดปลายทางบางครั้งการแจ้งระยะห่างจากสถานีวิทยุช่วยการเดินอากาศ (VOR) หรืออย่างน้อยการแจ้งสภาพพื้นที่ของเส้นทางบินที่กำลังบินอยู่

ทิ้งแผนการบินไม่กับผู้ที่เกี่ยวข้องบนภาคพื้น ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานต้นสังกัด ถ้าคุณเป็นตำรวจหรือทหารหรือแม้แต่พลเรือน ก็ควรทิ้งแผนการบินไว้กับคนที่จะสามารถแจ้งข่าวไปยังผู้บังคับบัญชา หากไม่ได้รับการติดต่อภายในเวลาที่คาดการณ์เอาไว้
ในประเทศสหรัฐอเมริกาจะเรียกกันว่า “Drop dead time” ถ้าคนที่เกี่ยวข้องไม่ได้รับการติดต่อจากนักบินตามเวลาที่สมควร เขาจะพยายามติดต่อกลับไปทันที และสิ่งที่ควรทำทุกครั้งคือตรวจเช็คและทดสอบ เครื่องส่งสัญญาณแจ้งพิกัดดาวเทียมขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน หรือ ELT (Emergency Locator Transmitter) ก่อนทำการบินอยู่เสมอว่า ยังทำงานได้ตามปกติ
เมื่อร่อนลงพื้นได้แล้ว จะทำอะไรต่อไป You Made It To The Ground, Now What?
- ออกจากอากาศยานประสบเหตุให้เร็วที่สุด ถ้าเป็นเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก คุณจะต้องมั่นใจว่าใบพัดหลักและใบพัดหางหยุดหมุน ก่อนที่จะพยายามเอาตัวออกมาจากเฮลิคอปเตอร์นั่น
- อย่าลืมนำกระเป๋าหรือเป้อุปกรณ์ยังชีพติดตัวมาด้วย (ผมจะแนะนำว่าในนั่นควรมีอะไรบ้างต่อไป)
- พยายามอย่าตกใจแต่ให้คิด มองไปรอบๆ และหายใจลึกๆ พยายามควบคุมอารมณ์ให้ได้
- นับจำนวนผู้โดยสารและผู้ที่เดินทางมาด้วย เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องตรวจดูว่าทุกคนออกมาจากอากาศยานอุบัติเหตุครบแล้ว
- ออกห่างจากอากาศยานนั้น จนกว่าจะมั่นใจว่าปลอดภัยและสามารถเข้าใกล้ได้อีกครั้ง
ประเมินสถานการณ์ Size Up The Situation
แต่ละสถานการณ์ย่อมต่างกันไป คุณอาจจะโชคดีร่อนลงใกล้กับที่ที่มีคนเห็นเครื่องบินตกเข้าพอดี และช่วยโทรแจ้งให้คนมาช่วย หรือหากไม่มีใครคุณจะต้องวิทยุหรือติดต่อไปแจ้งภาวะฉุกเฉินเอง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว หากคุณอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย เช่น ในป่า หรือที่ห่างไกลผู้คน การช่วยเหลือก็จะใช้เวลายาวนานขึ้นเป็นชั่วโมงหรือนานกว่านั้น…
หากต้องเจอเหตุการณ์เช่นนี้ คุณควรจะให้ความสำคัญกับสิ่งต่อไปนี้
- อุปกรณ์สื่อสารขอความช่วยเหลือเปิดอยู่, ใช้งานได้และทำงานอยู่หรือไม่
- อุปกรณ์หรือเครื่องมืออะไร ที่คุณมีติดตัว
- สภาพพื้นที่เป็นอย่างไร คุณกำลังอยู่ในร่องเขา, ป่าทึบ, ป่าพรุ, บึงน้ำ, เขื่อน หรือที่ไหน
- คุณและผู้โดยสาร มีทักษะและความสามารถอะไรบ้างในยามฉุกเฉิน
ในการดำรงชีพ มี 5 ปัจจัยหลักที่คุณต้องคำนึงถึง
- เวชภัณฑ์ และการปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บ
- น้ำดื่ม และการทำให้น้ำดื่มได้
- ที่หลบและกำบัง
- ขอความช่วยเหลือจากภายนอก
- อาหาร
เวชภัณฑ์ และการปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บ – ในบางครั้งคุณอาจจะขาดแคลน หรือมีอุปกรณ์ปฐมพยาบาลอย่างจำกัด และอาจจะต้องใช้การแสวงเครื่องขึ้นเอง
- ให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ โดยตรวจดูว่าทางเดินหายใจยังปกติ และยังหายใจได้
- ทำการห้ามเลือดหากมีบาดแผล
- หากพบบาดแผลที่แขนและขา ซึ่งเลือดออกรุนแรงจากเส้นเลือดใหญ่ ให้ใช้สายรัดห้ามเลือด รัดเหนือบาดแผลทันที
- สร้างความอบอุ่นให้ผู้บาดเจ็บ ป้องกันอุณหภูมิในร่างกายตกอย่างรุนแรงจากการบาดเจ็บ (hypothermic) ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากที่จะต้องทำให้ร่างกายของผู้บาดเจ็บอุ่นอยู่เสมอ แม้ว่าประเทศไทยจะมีภูมิอากาศร้อนชื้นก็ตาม ผู้บาดเจ็บก็สามารถเสียการควบคุมอุณหภูมิปกติของร่างกายได้ ผลการศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า ผู้บาดเจ็บซึ่งอุณหภูมิในร่างกายลดลงถึง 35 องศาเซลเซียสหรือต่ำกว่า มีโอกาสเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
- เช็คร่างกายผู้บาดเจ็บโดยรอบอย่างละเอียด เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีบาดแผลที่อาจมองข้ามไป จากบาดแผลฉกรรจ์ที่มีอยู่ เช่น กระดูกหักที่แขนและขา ซึ่งบาดแผลดูรุนแรง อาจทำให้เรามัวสนใจอยู่ที่แผลนั่นจนไม่ตรวจเช็คจุดอื่นๆ
น้ำ – เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการยังชีพ ร่างกายคนเราจะอ่อนแอหากขาดอาหาร แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ แต่เราขาดน้ำไม่ได้…
- นำน้ำดื่มไปด้วย ก่อนทำการบินทุกครั้ง
- เตรียมน้ำไว้ในเป้หรือกระเป๋ายังชีพ และมองหาวิธีที่จะทำให้น้ำสะอาดเพื่อสามารถดื่มได้ เพราะจะแบกน้ำไปเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ
ที่หลบและกำบัง – ที่กำบังในช่วงอากาศแปรปรวน อาจจะใช้ส่วนของเครื่องบินนั่นเองเป็นที่หลบภัยชั่วคราว มองหาที่กำบังใกล้เคียง เช่น ถ้ำ, ช่องระหว่างก้อนหิน หรือหากจำเป็นก็ควรทำที่กำบังขึ้น และหวังว่าในระหว่างปฏิบัติตามคำแนะนำที่กล่าวมาแล้ว ตั้งแต่การปฐมพยาบาลอาการบาดเจ็บ, เตรียมน้ำดื่ม, หาที่หลบและกำบัง ความช่วยเหลือจกภายนอกอาจกำลังใกล้เข้ามาแล้วก็ได้

ขอความช่วยเหลือจากภายนอก – อย่าลืมตรวจเช็คว่า เครื่องส่งสัญญาณแจ้งพิกัดดาวเทียมขอความช่วยเหลือฉุกเฉินเปิดและทำงานอยู่ เครื่องส่งสัญญาณขอตความช่วยเหลือส่วนบุคคล Personal Locator Beacons (PLB) เริ่มได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่นักผจญภัย และนักปืนเขา PLB ทำงานคล้ายๆกับ GPS โดยจะส่งสัญญาณแจ้งพิกัดปัจจุบันเมื่อเปิดใช้งาน บางรุ่นสามารถส่งข้อความตอบโต้ไปยังศูนย์ประสานงานการช่วยเหลือ หรือส่งข้อความไปยังครอบครัวของผู้ประสบภัยที่ได้ตั้งค่าไว้แล้วได้ด้วย โดยมากเครื่องส่งสัญญาณดังกล่าวจะต้องผ่านการสมัครใช้บริการจากบริษัทหรือหน่วยงาน
ผมขอยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ โดยสามี-ภรรยาคู่หนึ่งกำลังขี่ม้าในเส้นทางบนเขา ม้าของภรรยาเกิดลื่นกลิ้งตกลงจากเขาประมาณ 100 เมตร ลงไปในช่องแคบของภูเขาด้านล่าง จากการตกกระแทกรุนแรง ทำให้กระดูกขาของผู้เป็นภรรยาหัก ในขณะที่ม้ากลับไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก โชคดีที่สามีมีสติและใช้ PLB ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือและส่งข้อความแจ้งเหตุที่เกิดขึ้น โดยแจ้งพิกัดได้ตรงกับจุดเกิดเหตุ เฮลิคอปเตอร์กู้ภัยของเราจึงสามารถใช้ข้อมูลนี้ เข้าถึงจุดเกิดเหตุได้รวดเร็วและนำภรรยาของเขาซึ่งบาดเจ็บสาหัสออกจากที่เกิดเหตุ และนำส่งไปยังโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัย

เจ้าหน้าที่กู้ชีพขั้นสูง ประจำอากาศยานกู้ภัย
ขอแนะนำเพิ่มเติมในการขอความช่วยเหลือจากภายนอก เพื่อดึงความสนใจจากภายนอก มาที่ีจุดเกิดเหตุ โดยใช้วิธีต่อไปนี้
- ไฟกระพริบส่งสัญญาณ หรือ strobe light
- พลุสัญญาณ
- ควันสี
- ระเบิดควัน แสเงตำแหน่งที่อยู่ของผู้ประสบภัยจากระยะไกล
- กระจกส่องขอความช่วยเหลือ Signal Mirror
- นกหวีด
- ใช้ใบไม้หรือวัสดุจากธรรมชาติ หรือแม้แต่ชิ้นส่วนของอากาศยาน สะกดคำว่า ช่วยด้วย หรือ “Help” บนพื้นที่โล่งๆ เพื่อให้อากาศยานกู้ภัยมองเห็นได้ในระหว่างทำการค้นหา
การพยายามอยู่ใกล้กับอากาศยานประสบเหตุ เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเจ้าหน้าที่กู้ภัยหรือความช่วยเหลือที่ระดมเข้ามา มักจะพยายามค้นหาจุดที่อากาศยานตกก่อนเสมอ เนื่องจากเป็นจุดสังเกตุหลักของพวกเขา และการออกนอกพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคย อาจจะยิ่งเพิ่มความอันตรายขึ้นได้
หากคุณเลือกที่จะเดินเท้าออกไปขอความช่วยเหลือ ควรเป็นกรณีที่อาจไม่มีใครเข้ามาค้นหาในจุดนั้นได้จริงๆ หรือต้องจำเป็นที่จะต้องออกจากจุดเกิดเหตุอย่างไม่มีทางเลือก เช่น น้ำป่าหลาก, ไฟป่า, มีที่อยู่ของสัตว์อันตรายอยู่ใกล้เคียง ฯ กรณีนี้คุณจะต้องมั่นใจกับทิศทางที่จะเดินไป, สภาพร่างกายต้องพร้อม, และดูว่ามีอะไรติดตัวไปบ้าง
อาหาร – ให้คิดเสมอว่าการดำรงชีพหลังเกิดเหตุ อาจจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 วันขึ้นไป อย่างไรก็ตามน้ำหนักในการบรรทุกและพื้นที่วางสิ่งของบนอากาศยานส่วนใหญ่มีข้อจำกัด ทำให้ต้องคิดว่าคุณจะเลือกนำอะไรที่จำเป็นไปด้วยก่อนทำการบิน อาหารจะช่วยให้เรามีแรงในขณะรอความช่วยเหลือ จำไว้ว่าเรากำลังพูดถึงเหตุการณ์ฉุกเฉิน ไม่ใช้เตรียมตัวพร้อมไปตั้งแค้มป์
ชุดอุปกรณ์ดำรงชีพ แบบมาตรฐาน Basic Survival Kit
ผมจะมีกระเป๋ายังชีพส่วนตัว ติดไปทำงานด้วยทุกครั้งเวลาออกปฏิบัติงานกับอากาศยาน เนื่องจากผมเป็นเจ้าหน้าที่กู้ชีพประจำเฮลิคอปเตอร์กู้ภัย อุปกรณ์ยังชีพของผมจะเป็นส่วนเพิ่มเติม จากชุดประจำตัวของเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยานที่ผมใส่ ซึ่งบนตัวเสื้อจะมีอุปกรณ์เช่น ไฟฉาย, มีดพก ฯ อยู่ด้วยเช่นกัน ส่วนในเป้ยังชีพของผม จะมีของต่อไปนี้
- เสื้อคลุม Jacket
- หมวก Hat
- ถุงมือ Gloves
- ผ้าห่ม Multiple use rag
- น้ำและอุปกรณ์กรองน้ำขนาดพกพา เช่น เม็ดสารละลายทำความสะอาดน้ำ, หลอดกรองน้ำ ฯ
- อาหารแท่ง Power Bars เช่น ข้าวกรอบผสมถั่ว, ซีเรียลอัดแท่ง ฯ
- อุปกรณ์ส่องสว่างต่างๆ เช่น ไฟฉายพกพา, ไฟฉายคาดศีรษะ และแบตเตอรี่สำรอง , แท่งเคมีเรืองแสง light sticks
- มีดพก Knife
- ชุดเครื่องมือแบบพกพา Multi-tool
- เข็มทิศ Compass และเข็มทิศขนาดเล็ก
- เครื่องบอกพิกัดดาวเทียม GPS
- แผนที่ที่เกี่ยวข้องในบริเวณที่ทำงาน
- กระจกส่งสัญญาณของความช่วยเหลือ Signal Mirror
- แท่งแมกนีเซียมจุดไฟ Magnesium Fire starter
- แถบเชือกกว้าง 1 นิ้ว ยาว 5 เมตร
- คาราบิเนอร์ 2 ตัว

สิ่งที่ควรจะมีเพิ่มเติม คือ วิทยุมือถือสำหรับช่องความถี่อากาศยาน Air Band Radio, โทรศัพท์สัญญาณดาวเทียม Sat phone, ถุงเก็บน้ำ, ถุงพลาสติก, เทปกาว, เชือกร่ม paracord, แผ่นฟรอยด์อลูมิเนียม, เส้นลวด, ยากันแดด, ยากันแมลง, ยากันยุง ฯ
ในกระเป๋าปฐมพยาบาลส่วนตัวของผม จะมีสายรัดห้ามเลือด, ผ้าพันแผลทางยุทธวิธี, ผ้าก็อซ, ผ้ายืด, พลาสเตอร์ปิดแผลหลายๆขนาด, ครีมฆ่าเชื้อ, กรรไกร, วาสลีนก็อซ, ถุงมือการแพทย์ 2 คู่ และยาที่จำเป็นอื่นๆที่ผมอาจต้องใช้เพียงพอสำหรับ 3 วัน , แว่นสายตา
สำหรับนักบินพลเรือนหรือหน่วยงานราชการ ความจำเป็นในการใส่ชุดยังชีพ ที่มีอุปกรณ์ซึ่งครอบคลุมเรื่องน้ำดื่ม, การส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ, การก่อไฟ มีความสำคัญมาก เพราะอย่าลืมว่า…คุณอาจจะมีเวลาน้อยมากหรือไม่มีเวลาเลย ที่จะออกจากอากาศยานประสบเหตุ โดยที่ไม่มีเวลานำอุปกรณ์อะไรไปได้ นอกจากของที่มีอยู่บนตัวคุณแล้วเท่านั้น
กำหนดจิต เพื่อดำรงชีวิตให้รอด Survival Mindset
จากที่ผมแนะนำมานี้ พูดถึงหลายเรื่องด้วยกัน การอยู่รอดและถูกค้นพบจากเหตุอากาศยานประสบเหตุ คุณจะต้องมีทัศนคติที่ดีในทางบวก ต้องคิดและเตรียมตัวก่อนหน้าเหตุการณ์จะเกิด ใช้เวลาคิดบนพื้นดินก่อนขึ้นทำการบิน สังเกตุ และวางแผน และไม่ทำอะไรโดยไม่ไตร่ตรอง พยายามอย่ากลัวและตื่นตระหนก

ผู้เขียน – เดน่า วีแลนเดอร์, หัวหน้าชุดเจ้าหน้าที่กู้ชีพขั้นสูง ประจำเฮลิคอปเตอร์กู้ภัย ของ LA County Sheriff เมืองลอสเองเจอลิส ประสบการณ์การทำงานตำแหน่ง Air Rescue Crewman Paramedic กว่า 30 ปี